ในปี 2022 กระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังมาแรงและเป็นที่นิยมในประเทศไทยอย่างมาก แน่นอนว่าในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้าบ้านบ้านเชื่อว่าในประเทศไทย เราจะเห็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปวิ่งบนท้องถนนน้อยลง แต่การจะมีรถยนต์ไฟฟ้าสักคันเราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเหมือนกับซื้อบ้านก็ต้องมีเฟอร์นิเจอร์นี่แหระค่ะ และสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรมีก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้านั่นก็คือ “ที่ชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger” แต่ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร และมีอะไรบ้างที่ต้องคำนึกถึงก่อนตั้ดตั้งมาลองอ่านไปพร้อมกันกับบ้านบ้านกันดีกว่านะคะ

รู้จักระบบไฟฟ้าในบ้าน

ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเข้าบ้านก็เหมือนกับเรากำลังซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญยักษ์เข้าบ้านนั่นแหระค่ะ ถ้าเราไม่เช็คระบบไฟฟ้าในบ้านให้ดีก่อนอาจทำให้เราใช้ไฟเกินกำลังที่ระบบในบ้านรองรับ ทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและรถยนต์สุดรักของเพราะฉะนั้น บ้านบ้านแนะนำให้เพื่อน ตรวจสอบขนาดของมิเตอร์ไฟฟ้าในบ้าน โดยทั่วไปขนาดที่ใช้กับที่พักอาศัยจะอยู่ที่ 15(45)A 1 เฟส (1P) ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่เพียงพอต่อการชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อนๆ ต้องติดต่อการไฟฟ้าโดยแจ้งขอเปลี่ยนขนาดมิเตอร์ไฟเป็น 30(100)A 3 เฟส เพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้อย่างเหมาะสม

เช็คขนาดสายไฟเมน

ควรตรวจสอบสายไฟเมนในบ้านหากเป็นขนาด 25 ตร.มม. อยู่แล้วก็สบายๆ ค่ะ แต่หากที่บ้านเพื่อนๆ น้อยกว่านั้นแนะนำให้เปลี่ยนสายไฟเมนเพื่อรองรับการไหลของกระแสไฟฟ้าที่ปลอดภัยมากขึ้น

ติดตั้งตู้ Main Circuit Breaker (MCB)

ตู้ Main Circuit Breaker (MCB) จะเป็นตู้ที่ช่วยแยกช่องจ่ายไฟในการชาร์ตรถรยต์ไฟฟ้า ซึ่งควรวางในพื้นที่ที่เหมาะสมไม่อยู่กลางแจ้ง และควรเช็คว่าตู้ที่กำลังจะซื้อมาติดตั้งนั้นสามารถรองรับกระแสไฟฟ้าได้เท่าไหร่ขนาดที่เหมาะสมควรรองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุด 100 แอมป์

ติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว (RCD)

เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างมากเพราะมีไว้สำหรับตัดวงจรไฟฟ้าเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้า-ออก ไม่เท่ากัน สาเหตุของการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้ แต่ถ้าหากสายชาร์จไฟฟ้าที่เราซื้อมามีระบบตัดไฟภายในอัตโนมัติก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องนี้ก็ได้ค่ะ

เช็คหัวปลั๊กรถยนต์ไฟฟ้าให้ชัวร์

ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าให้เพื่อนๆ ลองหาข้อมูลว่าหัวชาร์ตของรุ่นที่กำลังสนใจมีลักษณะอย่างไรเพื่อเราจะได้เตรียมตัวติดตั้งเครื่องชาร์จให้ตรงกัน โดยหัวชาร์ตไฟฟ้าจะมีทั้งหมด 3 ประเภทแบ่งตามประเทศผู้ผลิตรถยนต์ได้แก่

Type 1 สำหรับรถญี่ปุ่น และอเมริกา เช่น Nissan Leaf / Tesla ที่ขายในอเมริกา
Type 2 สำหรับรถยุโรป เช่น Mercedes-Benz / BMW/ Volvo / Porsche / Tesla ที่ขายในยุโรปและประเทศไทย
Type GB/T สำหรับรถจีน เช่น BYD และรถที่ขายในจีน

ตรวจสอบขนาด On-Board Charger

On-Board Charger คือระบบควบคุมการดึงไฟฟ้าที่ตัวรถจะสั่งการไปยังเครื่อง EV Charger ทั่วไปจะมีขนาดตั้งแต่ 3.6kW - 22kW ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของรถยนต์ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้การชาร์จไฟรถยนต์ของเราเหมาะสมนั่นเอง

รู้จัก MODE รูปแบบการชาร์จไฟรถยนต์

MODE จะแบ่งออกเป็น 4 MODE คือ

MODE 1 : เสียบชาร์จจากเต้ารับไฟในบ้าน (ไฟกระแสสลับ AC) บนรถมี On-board Charger แปลงเป็นกระแสตรง DC เข้ากับตัวรถ - วิธีนี้บ้านบ้านไม่แนะนำเพราะไม่มีมาตรการความปลอดภัยจากรถ EV และบางประเทศไม่ยอมรับโหมดนี้รวมถึงประเทศไทยด้วย
MODE 2 : เสียบชาร์จจากเต้ารับไฟในบ้านเข้ากับตัวรถ (ไฟกระแสสลับ AC) โดยมี In Cable Control Box เป็นตัวควบคุมกระแสไฟที่เข้ารถ - วิธีนี้ค่ายรถส่วนใหญ่จะแถมมาให้ชาร์จกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
MODE 3 : เสียบชาร์จรถด้วย EV Charger แบบ Wallbox เป็นรูปแบบที่ต่างประเทศ และการไฟฟ้าแนะนำสำหรับการชาร์จที่บ้าน เรียกว่า AC Fast Charging - วิธีนี้ปลอดภัยที่สุดและได้มาตรฐานจาก PEA (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) เหมาะแก่การชาร์จที่บ้านเป็นประจำ
MODE 4 : เสียบชาร์จรถด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC Fast Charging ชาร์จได้ด้วยความเร็วสูงมาก เพียง 20 นาที - วิธีนี้สามารถใช้ได้เฉพาะรถ BEV เท่านั้น และไม่นิยมติดตั้งที่บ้านเนื่องจากราคาสูง

เช็คจุดติดตั้งให้เหมาะสม

ระยะจากจุดที่ติดเครื่องชาร์จจนถึงจุดเต้าเสียบรถไม่ควรเกิน 5 เมตร เพราะสายเครื่อง EV Charger โดยทั่วไปจะยาวอยู่ประมาณ 5-7 เมตร
ดูว่าจุดติดจตั้งเครื่องสามารถเดินสายไฟจากเรื่องชาร์จไปตู้เมนได้ง่าย
พยายามติดตั้งเครื่องชาร์จให้พ้นระยะฝนสาดหรือที่ที่มีละอองน้ำ และควรตรวจสอบว่าเครื่อง EV Charger มีมาตรฐานการกันน้ำมาใหในระดับไหนด้วยนะคะ

สำหรับคนที่คิดจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ก็อย่าลืมทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ก่อนที่จะทำการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหากติดตั้งระบบชาร์จผิดวิธี อาจจะทำให้ระบบไฟฟ้าภายในบ้านนั้นเกิดปัญหาขึ้นมาได้นะครับ

เตรียมบ้านให้พร้อม ก่อนติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน EV Charger สำหรับคนมีรถไฟฟ้า

Tags: