มีนาแล้วมีอะไรนะ มียื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไง! ถึงนี่จะอยู่แค่เดือนกุมภาพันธ์ แต่เพื่อนๆ ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปี 2566 กันนะคะ เพราะไม่ใช่แค่กรอกข้อมูลลงในเว็บไซน์ แต่เรายังต้องหาหลักฐานค่าลดหย่อนต่างๆ กันไว้ด้วยนะ แล้วเอ… ค่าลดหย่อนปี 65 มีอะไรบ้างเพื่อนๆ ทราบกันรึยังเอ่ย? ถ้าใครยังไม่ทราบวันนี้ บ้านบ้านมัดรวมทุกค่าลดหย่อน สรุปแบบรู้เรื่องมาให้เพื่อนๆ แล้ว ใครที่กำลังปวดหัวมาดูบทความนี้เคลียแน่นอน!

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ใครบ้างนะที่ต้องยื่น?

คนที่มีหน้าที่ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือ "ทุกคนที่เป็นคนไทย" ที่มีเงินได้ระหว่างปีไม่ว่าจะมีเงินได้เท่าไหร่ก็ต้องยื่นภาษีและยังรวมถึง

ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล
ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปี
กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง
วิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน

เงินได้ = เงินเดือน ?

บ้านบ้านบอกเลยว่า ไม่ใช่นะคะ เงินได้ ตามกฎหมายคือเงินต่างๆ ที่เราได้รับจากการทำงาน ไม่ว่าจะงานจ้างเหมา งานบริการ รวมถึงผลตอบแทนจากเงินลงทุน อย่าง ดอกเบี้ย เงินปันผล ก็ถือเป็นเงินได้ด้วยนะ

ส่วนอีกคำที่เพื่อนๆ ได้ยินบ่อยๆ "เงินได้พึ่งประเมิน" หมายถึง เงินที่กฎหมายให้เรานำเงินนั้นมาคำนวณภาษีเงินได้ ยกเว้นแต่เงินได้ที่กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่าเงินก้อนนั้นเป็น เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี และเงินได้พึ่งประเมินนั้น ตามประมวลรัษฎากรกกำหนดให้มี 8 ประเภท สรุปง่ายๆ

เงินได้ที่ได้จากการงานทำงาน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส บำเหน็จ บำนาญ
เงินได้จากตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานใก้ เช่น ค่านายหน้า ค่าธรรมเนียม เงิน ทรัพย์สิน ที่ได้รับจากตำแหน่งงาน
ค่าลิขสิทธิ์ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ เงินจากพินัยกรรม
ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร
เงินได้จากการให้เช่าสินทรัพย์
เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือ วิชากฎหมาย, การประกอบโรคศิลป, วิศวกรรม, สถาปัตยกรรม, การบัญชี, ประณีตศีลปกรรม และวิชาชีพอื่นที่พระราชกฤษฎีกากำหนด
เงินได้จากการรับเหมา ไม่ว่าจะรับเหมาจ้างทำของ หรือ รับเหมางานบริการ
เงินได้จากการทำธุรกิจ หรือนอกเหนือจาก 1-7

เมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรบ้างคือ เงินได้พึ่งประเมิน ที่ต้องนำมาคำนวณภาษี สิ่งต่อไปที่เราควรรู้คือ "ค่าลดหย่อน" ซึ่งค่าลดหย่อนนี้จะทำให้ "รายได้สุทธิ เวลาคำนวณภาษีเงินได้ของเราต่ำลง" นั่นเอง

บ้านบ้านขอแบ่งให้ดูง่ายๆ เป็น 4 หมวดหมู่หลักๆ ได้แก่

หมวดที่ 1 ลดหย่อนส่วนตัว

1.1 ลดหย่อนตัวเอง ได้ 60,000 บาท เป็นพื้นฐานที่รัฐกำหนดให้

1.2 ลดหย่อนคู่สมรส จะต้องเป็นสามีหรือภรรยาที่จดทะเบียนอย่างถูกต้างตามกฎหมายด้วยนะ ลดหย่อนได้ 60,000 บาท เช่นกนั

1.3 ลดหย่อนบุตร - กฎหมายกำหนดให้บุตรคนแรกลดหย่อนได้ 30,000 บาท คนที่สองและคนถัดๆ ไป ลดหย่อนได้ 60,000 บาท (แต่ต้องเป็นบุตรที่เกิดหลังปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นไปนะ)

1.4 ลดหย่อนบิดา มารดา หากใครที่กำลังดูแลบิดา มารดา อายุมากกว่า 60 ปี รวมถึงไม่มีรายได้ สามารถนำมาบิดา มารดา มาลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาท ต่อคน แต่ถ้าบ้านไหนมีลูกหลานคนก็คุยกันก่อนนะว่าใครจะใช้สิทธิลดหย่อนนี้ ซ้ำกันไม่ได้นะ

1.5 ลดหย่อนกรณอุปการะผู้พิการหรือบุคคลทุพลภาพ นำมาลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท และผู้พิการต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท

หมวดที่ 2 ประกัน และการลงทุน

2.1 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ/กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน ลดหย่อนได้ 15% สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

2.2 กองทุนออมแห่งชาติ (กอช.) ตามที่จ่ายจริงแต่สูงสุดไม่เกิน 13,200 บาท

2.3 กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) กองส่งเสริมการออมระยะยาว ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ไม่เกิน 200,000 บาท

2.4 กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ไม่เกิน 500,000 บาท

2.5 เงินประกันสังคม ลดหย่อนได้ไม่เกิน 6,300 บาท (ปกติเราจะจ่ายประกันสังคมปีละ 9,000 บาท) เนื่องจากปี พ.ศ. 2565 มีการปรับลดอัตราเงินประกันสังคม

2.6 เบี้ยประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์ ลดหย่อนได้ 100,000 บาท แต่มีเงื่อนไขว่าระยะความคุ้มครออง 10 ปีขึ้นไป และต้องทำในประเทศไทย

2.7 เบี้ยประกันสุขภาพและเบี้ยประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองสุขภาพ ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท รวมกับประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์ ไม่เกิน 100,000 บาท

2.8 เบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดา ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท (บิดามารดามีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท)

หมวดที่ 3 มาตรการรัฐ

3.1 ดอกเบี้ยบ้าน ลดหย่อนได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท มีเงื่อนไขดังนี้

เป็นดอกเบี้ยจากเงินกู้เพื่อซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม หรือที่อยู่อาศัย โดยเราต้องอาศัยในบ้านหลังนี้ด้วย
ต้องเป็นการกู้เพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่บนที่ดินของตัวเอง หรือกู้เพื่อซื้อคอนโดมิเนียม
ต้องเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงินภายในประเทศ
หากมีการกู้สำหรับที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 แห่ง สามารถรวมกันได้ แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
กรณีกู้ร่วมกันหลายคน ให้แบ่งดอกเบี้ยคนละเท่า ๆ กัน

3.2 โครงการชอปดีมีคืน 30,000 บาท มีเงื่อนไขดังนี้

ซื้อสินค้าและบริการทั่วไปที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หนังสือ (รวมถึง e-book) และสินค้า OTOP ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชนแล้ว
ใช้สำหรับการซื้อสินค้าในช่วงวันที่ 1 ม.ค. - 15 ก.พ. 65
ต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปเท่านั้น

3.3 เงินลงทุนวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท

หมวดที่ 4 เงินบริจาค

4.1 เงินบริจาคพรรคการเมือง ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท

4.2 เงินบริจาคเพื่อนการศึกษา สนับสนุนกีฬา พัฒนาสังคมต่างๆ มูลนิธิด้านสาธารณสุข และโรงพยาบาลรัฐ สามารถลดหย่อนได้ถึง 2 เท่าของที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลักหักค่าใช้จ่าย

4.3 เงินบริจาคอื่นๆ มูลนิธิและองค์กรสาธารณกุศล ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย

เมื่อเพื่อนๆ รู้แล้วว่าสามารถลดหย่อนค่าอะไรได้บ้างก็เตรียมตัวคำนวณภาษีกันได้เลยค่า

วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

รายได้ทั้งปี - ค่าใช้จ่าย* - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ**

*ค่าใช้จ่าย ไม่ใช่ต่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนะ แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่กฎหมายยอมให้หักได้ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทเงินได้พึงประเมินว่าแต่ละประเภทหักค่าใช้จ่ายได้เท่าไหร่ โดยทั่วไป เงินเดือน จัดเป็นเงินได้ 40(1) หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท และไม่ให้หักค่าใช้จ่ายตามจริง

**เงินได้สุทธิจะเป็นเงินที่เรานำมาคำนวณภาษี

ต่อมาเมื่อไ้ดเงินได้สุทธิแล้ว ก็มาคำนวณภาษีที่เราจะต้องชำระกันเลย

เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = ภาษี

มัดรวมรายการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา เพื่อยื่นภาษีประจำปี 2565

Tags: